14 September 2009

อัปเดตข่าวสารใหม่ ๆ ครับ

สวัสดีครับ..ทุกท่าน
...กลับมาแล้วครับ สืบเนื่องจากภาระกิจการงานมากมายนานัปประการนะครับเลยทำให้ห่างหายไปนานพอสมควรไม่ค่อยมีเวลามานำเสนอเรื่องราวอะไร ๆ ใหม่ ๆ เลย และแล้ววันนี้โอกาสก็เป็นใจครับได้เวลามาอัปเดทบ้าง ขอขอบคุณสำหรับท่านที่แวะมาเยี่ยมทุกท่านนะครับ
...วันนี้ผมขอนำเอาเรื่องราวข่าวสารที่มีประโยชน์ใหม่ ๆ มาบอกข่าวเล่าเรื่องต่อกันให้รับทราบกันนะครับ

สาระที่..1) นอนน้อยเพิ่มเสี่ยงป่วย"เบาหวาน"
..คณะนักวิจัยมหาวิทยาลัย ชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา เสนอผลการศึกษาล่าสุด พบว่า การนอนมีผลต่อความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน โดยเฉพาะคนที่นอนน้อยในเวลากลางคืนประกอบกับไม่ออกกำลังกายและรับประทานอาหารมากเกินพอดี อาจยิ่งเพิ่มความเสี่ยงเป็นเบาหวานมากขึ้น นายแพทย์พลาเมน เปเนฟ นักวิจัยอาวุโสมหาวิทยาลัยชิคาโกและคณะศึกษากลุ่มตัวอย่างเพศชายและหญิงวัย กลางคน จำนวน 11 คนที่มีสุขภาพดี แต่ไม่ออกกำลังกาย ผู้วิจัยได้แบ่งอาสาสมัครดังกล่าวออกเป็น 2 กลุ่ม เก็บข้อมูลนาน 14 วัน โดยให้อาสาสมัครเหล่านี้เอาแต่นั่งๆ นอนๆ และทานอาหารได้อย่างเต็มที่ ส่วนการนอนก็ให้นอนคืนละ 5 ชั่วโมงครึ่ง และ 8 ชั่วโมงครึ่ง
สิ่งที่พบคือ ผู้ใหญ่ที่มีเวลานอนลดลงจาก 8 ชั่วโมงครึ่งเหลือ 5 ชั่วโมงครึ่ง จะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ ต่อการตอบสนองการตรวจสอบน้ำตาล ซึ่งเป็นลักษณะคล้ายคลึงกับคนที่กำลังมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการเป็นเบา หวาน หากผลการวิจัยนี้ได้รับคำยืนยันจากการศึกษากับกลุ่มตัวอย่างที่มากขึ้น ก็จะเป็นสิ่งบ่งชี้อีกอย่างว่า การนอนหลับอย่างเพียงพอมีความสำคัญต่อการหลีกเลี่ยงโรคเบาหวานได้พอๆ กับการทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ
...............................
สาระที่ 2) ขนาด"ต้นขา"สะท้อนป่วยโรคหัวใจ
นักวิจัยเดนมาร์กเปิดข้อมูลใหม่อ้างว่า คนต้นขาผอมเพรียว มากไป เป็นสัญญาณมีแนวโน้มป่วยด้วยโรคหัวใจและเสียชีวิตก่อนวัยอันควร "ชาย และหญิงที่วัดเส้นรอบวงของต้นขาได้ต่ำกว่า 60 เซนติเมตร (23 นิ้วครึ่ง) มีความเสี่ยงเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและก่อนวัยอันควรมากกว่าคนที่วัดเส้น รอบวงของต้นขา ได้เกินกว่า 60 เซนติเมตร" เบริต ฮีตแมน และปีเตอร์ เฟรเดริกเซน นักวิจัยโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน ระบุ

ข้อมูลข้างต้นได้จากการตรวจสอบข้อมูลอาสาสมัครชาย 1,436 คน หญิง 1,380 คน ซึ่งเข้าตรวจวัดร่างกายช่วงปลายทศวรรษ 1980 และ เมื่อเวลาผ่านไป 12 ปี พบว่า มีอาสาสมัครเหล่านี้เสียชีวิตกว่า 400 คน และอีก 540 คนป่วยด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจและหัวใจทำงานผิดปกติ โดยจะเป็นในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 และยิ่งคนที่มีต้นขาผอมเพรียววัดเส้นรอบวงได้น้อยกว่า 46 เซนติเมตร ก็จะมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าคนที่วัดเส้นรอบวงของต้นขาได้เกินกว่า 60 เซนติ เมตรถึง 2 เท่า นอกจากนั้น อาสาสมัครที่ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ คือคนที่มีต้นขาใหญ่มากผลวิจัยครั้งนี้ช่วยอธิบายว่าไขมันที่มาสะสมอยู่ต้นขา อาจเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าไขมันที่สะสมอยู่ที่อื่น เช่น หน้าท้องและรอบเอว แต่ก็มีนักวิจัยบางคนที่ไม่เห็นด้วย อาทิ น.พ.เอียน สกอตต์ จากโรงพยาบาลพรินเซสอเลกซานดรา ออสเตรเลีย กล่าวว่า ตัวเลขสถิติที่ได้เป็นข้อมูลแคบไป จึงต้องศึกษาให้มากกว่านี้
................................
สาระที่ 3) ประโยชน์และโทษของเครื่องดื่มเกลือแร่
ทราบหรือไม่ว่า การดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่นั้นมีทั้งประโยชน์และโทษ วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีเรื่องนี้มาบอก...
เครื่อง ดื่มเกลือแร่ คือ เครื่องดื่มในการชดเชยน้ำที่ร่างกายเสียไปในระหว่างเล่นกีฬา แทนการดื่มน้ำธรรมดา เพราะให้รสชาติที่ดีและน่าดื่มกว่า มีส่วนผสมของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว และเกลือแร่ต่าง ๆ ที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมน้ำในร่างกายไปใช้ได้ง่ายขึ้น

ประโยชน์ของการดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่
สามารถ แก้กระหายให้ความสดชื่น เพราะในเครื่องดื่มเกลือแร่มี กลูโคส (ซูโครส เด็กซ์โตรส) โซเดียม โปแตสเซียม และคลอไรด์ อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะจะช่วยให้น้ำเข้าสู่เซลล์ร่างกายได้เร็วขึ้น ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับการเสียเกลือแร่ในเหงื่อตามความเข้าใจ

โทษของการดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่
ทำให้ฟันผุ เนื่องจากส่วนผสมของน้ำตาล และกรดต่าง ๆ ที่ผสมจะไปกัดกร่อนสารเคลือบฟัน
รู้อย่างนี้แล้ว ควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสมจะดีที่สุด.
..................................
สาระที่ 4) "ความลับ" ทำไมคนญี่ปุ่นถึงอายุยืนที่สุดในโลก!
หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า "ประเทศญี่ปุ่น" เป็นชาติที่มีอายุขัยยืนยาวมากที่สุดในโลก ซึ่งนี่ถือเป็นการครองแชมป์มากกว่า 20 ปีแล้ว โดยมีอายุเฉลี่ยเกิน 100 ปี มากกว่า 20,000 คนเลยทีเดียว และเมื่อแยกย่อยลงไปในรายละเอียดต่างๆ จะพบว่าสุขภาพร่างกายของคนญี่ปุ่นมีคอเลสเตอรอลต่ำไม่ค่อยเป็นโรคอ้วนกับโรคหัวใจ นี่ เองที่ทำให้ใครต่อใครต่างอยากรู้คล็ดลับว่าทำไม คนญี่ปุ่นถึงมีสุขภาพที่ดีได้ กระทั่งผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาหารญี่ปุ่นชาวอังกฤษคนหนึ่ง ได้มีการทำสำรวจเกี่ยวกับอายุขัยในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก เพื่อเทียบวิเคราะห์ถึงเหตุผลและปัจจัยอันเกี่ยวกับอายุขัยที่ยืนยาวของคน ญี่ปุ่นว่า

...เพราะอะไรคนญี่ปุ่นถึงมีคอเลสเตอรอลต่ำ? ...เพราะอะไรคนญี่ปุ่นถึงมีอัตราการตายจากโรคหัวใจต่ำ? ...และเพราะอะไรสุขภาพของคนญี่ปุ่นถึงเป็นแบบนี้ได้?

กระทั่งพบ "ความลับ" ว่า "อาหารญี่ปุ่น" คือ ตัวช่วยเสริมสุขภาพคนญี่ปุ่นให้ไม่มีปัญหาจากโรคภัยที่กล่าวมาได้ทั้งหมด อาหารที่ว่า เช่น ปลาดิบ - ซุปมิโซะ - เต้าหู้ - สาหร่ายคอมบุ (จากน้ำอุ่น) สาหร่ายโนริ (จากน้ำเย็น) เป็นต้น เหล่านี้ล้วนเป็นอาหารที่มีคอเลสเตอรอลต่ำ ปราศจากไขมันอิ่มตัว มีไอโอดีนและแร่ธาตุสูงมาก อีกทั้งยังมีอนุมูลเล็กๆ ที่ช่วยเสริมสุขภาพให้ดี ช่วยให้อาหารอร่อยยิ่งขึ้นด้วย

และ เมื่อเจาะจงข้อมูลลงไปในพื้นที่ประเทศญี่ปุ่น ยังมีสิ่งที่น่าสนใจนั่นคือ พบว่า คนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่บนเกาะโอกินาวามาอัตราการเสียชีวิตจากภาวะหัวใจวาย เฉียบพลัน โรคมะเร็ง และโรคหัวใจน้อยกว่าส่วนอื่นในพื้นที่ของประเทศญี่ป่นและประเทศอื่นๆ ทั้วโลก

นั่นเพราะชาวโอกานาวามีการบริโภคน้ำตาล 25% เกลือ 20% และรับประทานผักเป็น 3 เท่า รับ ประทานปลามากกว่าเป็น 2 เท่า โดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึก ซึ่งมีโอเมก้า 3 ที่สำคัญต่อโครงสร้างการทำงานของสมอง เสริมสร้างระบบประสาท ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรเอธิลกลีเซอรอลในพลาสมา ควบคุมระดับไลโปโปรตีน และมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงหน้าองค์ประกอบของเกล็ดเลือด ที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคทางเดินหายใจ โรคไขมันในเส้นเลือดและโรคหัวใจ ทั้งยังช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ โรคหัวใจ ยังยับยั้งเซลล์มะเร็ง และโรคไขข้ออักเสบได้ด้วย

"อาหารทะเล" จึงเป็นเสมือนยาอายุวัฒนะหรืออาหารวัคซีน ที่ช่วยป้องกันโรคร้ายต่างๆ ซึ่งทำให้ชาวโอกานาวามีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง.
...................................
สาระที่ 5) มาลาเรียพันธุ์ใหม่ลิงสู่คน จากมาเลเซียระบาดถึงไทย
...จากกรณีที่นักวิจัยมหาวิทยาลัยมาเลเซีย ซาราวัก ได้ค้นพบเชื้อมาลาเรียสายพันธุ์ใหม่ที่ติดต่อจากปรสิต Plasmodium knowlasi ซึ่งเป็นโรคติดต่อในลิงโดยเฉพาะลิงกังและลิงแสม แต่กลับแพร่เชื้อสู่คน ซึ่งมีความรุนแรงหากไม่ได้รับการรักษา ทำให้เสียชีวิตได้ภายใน 24 ชั่วโมง โดยมีชาวมาเลเซียป่วยแล้วกว่า 100 คน และเสียชีวิตแล้ว 2 คนนั้น

เมื่อวันที่ 11 กันยายน ที่กระทรวงสาธารณสุข นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมควบคุมโรคเร่งตรวจสอบการระบาดของโรคมาลาเรียสายพันธุ์ใหม่ ว่ามีการแพร่เชื้ออย่างไร รุนแรงหรือไม่ และสามารถรักษาได้อย่างไร เพราะเป็นโรคติดต่อใหม่ เพื่อเตรียมการป้องกันและรักษาได้อย่างรวดเร็ว โดย เชื้อพลาสโมเดียม โนลาซี่ นับเป็นเชื้อมาลาเรียชนิดที่ 5 ที่พบในคน พาหะนำโรคมาจากยุงก้นปล่องเช่นเดียวกับเชื้ออีก 4 ชนิดที่พบมาก่อน ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตามแนวชายแดนซึ่งเป็นพื้นที่พบมาลาเรียมากเฝ้าระวังเชื้อนี้เป็นพิเศษ ทั้ง นี้ ได้รับรายงานเบื้องต้นว่าปีนี้มีคนไทยติดเชื้อและมีอาการป่วย 3 ราย คือ ยะลา 2 ราย และจันทบุรี 1 ราย ทีมแพทย์ได้เจาะเลือดเพื่อตรวจพิสูจน์หาเชื้อปรสิตจึงทราบว่าติดเชื้อ มาลาเรียสายพันธุ์ใหม่ ให้ยารักษาอาการหายเป็นปกติ โรคนี้ป้องกันได้ด้วยการป้องกันไม่ให้ยุงก้นปล่องกัด นอนในมุ้ง ทายากันยุง หลีกเลี่ยงการเข้าป่าโดยไม่จำเป็น และหากมีไข้หนาวสั่น ปวดศีรษะ หลังกลับออกจากป่าหรือพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคมาลาเรีย ให้รีบพบแพทย์ทันที

นพ.วิชัย สติมัย ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคมาลาเรียสายพันธุ์ใหม่เป็นโรคระบาดในเกาะบอร์เนียว ประเทศมาเลเซียหลายปีแล้ว และประเทศไทยเคยมีผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคนี้รายแรกเมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว อยู่ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และเข้ารักษาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ แต่หลังจากนั้นก็ไม่พบผู้ป่วยโรคนี้อีก จนกระทั่งปี นี้ พบผู้ป่วย 3 ราย ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมที่ผ่านมา และจากการคัดกรองโรคโดยการเจาะเลือดของผู้สัมผัสใกล้ชิดของผู้ป่วยทั้ง 3 ราย ก็ไม่พบว่ามีผู้ป่วยเพิ่มอีก ทั้งนี้ โรคมาลาเรียสายพันธุ์ใหม่ที่ติดเชื้อจากลิงมาสู่คนมียุงก้นปล่องเป็นพาหะ เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนยังไม่ถือว่าเป็นการกลายพันธุ์ โรคมาลาเรียชนิดใหม่แตกต่างจากสายพันธุ์เดิม คือ เมื่อเชื้อปรสิตเข้าสู่ร่างกายแล้ว สามารถแบ่งตัวในกระแสเลือดเพิ่มจำนวนปรสิตได้ในเวลารวดเร็วขึ้น จากเดิมที่เมื่อคนติดเชื้อจะมีการฟักตัวใช้เวลา 7-14 วันจึงจะแสดงอาการ ป่วยไข้สูง หนาวสั่น แต่มาลาเรียสายพันธุ์ใหม่เมื่อติดเชื้อแล้วจะแสดงอาการภายใน 7 วัน แต่หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รีบรักษา อาจทำให้เกิดภาวะไตวาย ตับวาย แต่ถ้าทานยาติดต่อกัน 3 วันก็จะหายป่วย.
ขอบคุณที่มาข่าว..www.cosmoneo.com
...........................................

จบข่าว..สำหรับวันนี้เอาแค่นี้ก่อนครับ แต่ละข่าวก็มีสาระประโยชน์มากเลยนะครับ เราควรรู้ไว้บ้างก็ดีครับ เพราะว่า โลกเราปัจจุบันนี้โรคภัยไข้เจ็บก็มากมายเหลือเกิน อย่างไงก็ดูแลรักษาสุขภาพตัวเองนะครับ วันนี้พอแค่นี้ครับ แต่วันหลังจะกลับมาเสนอเรื่องเรื่องราวข่าวสารใหม่ ๆ อีกครับ ขอให้มีความสุขทุกท่านครับ..!